วัตถุประสงค์: เพื่อเปรียบเทียบอาการปวดจากการเจาะนํ้าครํ่าระหว่างการฉีดสเปรย์ลิโดเคน การประคบเย็น และกลุ่มควบคุมในสตรีตั้งครรภ์ไตรมาสสอง

วัสดุและวิธีการ: การศึกษาทดลองแบบสุ่มไปข้างหน้าในสตรีตั้งครรภ์ที่มารับการเจาะตรวจนํ้าครํ่าทางพันธุกรรม ณ หน่วยเวชศาสตร์มารดาและทารกในครรภ์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ระหว่างเดือน กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2564 อาสาสมัครหญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 15-20 สัปดาห์ที่เข้ารับการเจาะตรวจนํ้าครํ่าได้รับการแบ่งแบบสุ่มเป็นสามกลุ่ม คือ กลุ่มลิโดเคน กลุ่มประคบเย็น และกลุ่มควบคุม กลุ่มลิโดเคนได้รับการพ่นร้อยละ 10 ของสเปรย์ลิโดเคน 8 พัฟต่อเนื่องกัน (80 มิลลิกรัม) บริเวณหน้าท้องที่จะเจาะนํ้าครํ่า กลุ่มประคบเย็นได้รับการประคบเจลความเย็น (อุณหภูมิ -18 ถึง -24 องศาเซลเซียส) บริเวณหน้าท้องที่จะเจาะนํ้าครํ่าเป็นเวลานาน 5 นาที ก่อนทำการเจาะนํ้าครํ่าทั้งสองกลุ่ม และกลุ่มควบคุมได้รับการดูแลตามมาตรฐานปกติ บันทึกข้อมูลระดับความเจ็บปวดที่คาดหวัง ขณะเจาะนํ้าครํ่า (T0) หลังเจาะ 15 (T15) และ 30 นาที (T30) โดยคะแนนความเจ็บปวด (VAS) 0-10 คะแนน

ผลการศึกษา: สตรีตั้งครรภ์จำนวน 330 ราย (กลุ่มละ 110 ราย) อายุเฉลี่ย 36.1 ปี กลุ่มที่ได้รับสเปรย์ลิโดเคนสามารถ ลดความเจ็บปวดขณะการเจาะนํ้าครํ่า หลังการเจาะ 15 และ 30 นาที ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = 0.001, < 0.001 และ 0.004 ตามลำดับ) กลุ่มที่ได้รับการประคบเย็นสามารถลดความเจ็บปวดขณะการเจาะนํ้าครํ่า หลังการเจาะ 15 นาที ได้ดีกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = 0.038 และ 0.032 ตามลำดับ) และผลของ สเปรย์ลิโดเคนดีกว่าการประคบเย็นในการลดความเจ็บปวด ที่เวลา 15 และ 30 นาทีหลังการเจาะอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p = 0.008 และ 0.005 ตามลำดับ)

สรุป: สเปรย์ลิโดเคนและการประคบเย็นสามารถลดความเจ็บปวดขณะการเจาะตรวจนํ้าครํ่าทางพันธุกรรมและหลังการเจาะที่เวลา 15 นาทีได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม และหลังการเจาะที่เวลา 15 และ 30 นาที สเปรย์ลิโดเคนสามารถลดความเจ็บปวดได้ดีกว่าการประคบเย็นอย่างมีนัยสำคัญ