เพื่อศึกษาผลของยาเม็ดโคลนิดีนรับประทานก่อนดมยาสลบต่อการระงับปวดด้วยมอร์ฟีนขนาดต่ำกว่าปกติในชั้นเอปิดูรัล ผู้วิจัยจึงทำการศึกษาแบบสุ ่มเปรียบเทียบในผู้ป่วย 50 รายที่มารับการตัดมดลูก โดยผู้ป่วยได้รับยาเม็ดโคลนิดีน 300 ไมโครกรัม 25 ราย และได้รับเม็ดแป้ง 25 ราย 90 นาที ก่อนเริ่มใส่สายทางเอปิดูรัล ผู้ป่วยทุกรายได้รับการระงับความรู้สึกด้วยยาชาไลโดเคนความเข้มข้น 2 เปอร์เซ็นต์ ผสมอะดรีนาลิน (5 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร) ครั้งละ 3 มิลลิลิตร ร่วมกับมอร์ฟีน 2 มิลลิกรัมในชั้นเอปิดูรัล ค่อยๆเติมยาชาขนาดดังกล่าวจนระดับการชาได้ระดับทรวงอกคู่ที่ 6 แล้วจึงดมยาสลบ หลังผ่าตัดผู้ป่วยได้รับยามอร์ฟีน 2 มิลลิกรัม ฉีดทางหลอดเลือดเมื่อมีอาการปวดทุก 10 นาทีใน 48 ชั่วโมงแรกหลังผ่าตัดและเมื่อผู้ป่วยรับประทานอาหารเหลวได้ให้ยาเม็ดอะเซตะมิโนเฟนรับประทานครั้งละ 1 กรัม เมื่อมีอาการปวดทุก 4-6 ชั่วโมง ใน 24-48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด ประเมินและบันทึกปริมาณยามอร์ฟีน, ปริมาณยาอะเซตะมิโนเฟน, คะแนนความปวดและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นทุก 4 ชั่วโมงจนถึง 48 ชั่วโมงหลังผ่าตัด ผลการศึกษาพบว่า ไม่มีความแตกต่างของปริมาณยาชา (p = 0.27), ปริมาณยามอร์ฟีน (p = 0.34), ปริมาณยาอะเซตะมิโนเฟน (p = 0.1) คะแนนความปวดขณะอยู่นิ่ง (p = 0.83) และเคลื่อนไหวโดยลุกจากนอนเป็นนั่ง (p = 0.64) ตลอดจนผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นระหว่าง 2 กลุ่ม ดังนั้น ยาเม็ดโคลนิดีน 300 ไมโครกรัม รับประทานก่อนดมยาสลบไม่มีผลเสริมฤทธิ์การระงับปวดด้วยมอร์ฟีน 2 มิลลิกรัมที่ให้ในชั้นเอปิดูรัลในผู้ป่วยภายหลังตัดมดลูก