การศึกษานี้มีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินผลการใช้วิธีห้ามเลือดโดยคงการไหลเวียนเลือดในผู้ป่วยหลังฉีดสีหลอดเลือดโคโรนารี  ต่อการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงเรเดียลอุดตัน  การคงการไหลเวียนเลือด  ภาวะเลือดออกใต้ผิวหนังและภาวะเลือดออก   เป็นการวิจัยเชิงทดลองแบบสุ่มชนิดมีกลุ่มควบคุมประเมินหลังการทดลองแบบปกปิด   ผู้ป่วย 236 ราย หลังฉีดสีหลอดเลือดโคโรนารีผ่านหลอดเลือดแดงเรเดียลแบบรอการรักษาได้ระหว่างเดือนเมษายน ถึงสิงหาคม  2563  สุ่มเข้ากลุ่มแบบหนึ่งต่อหนึ่ง  ทั้งสองกลุ่มหลังดึงท่อนำสายสวนหลอดเลือดแดงใช้อุปกรณ์ห้ามเลือดใส่ปริมาตรลม 15 มิลลิลิตร กลุ่มทดลอง 118 ราย ใช้วิธีห้ามเลือดโดยคงการไหลเวียนเลือด ซึ่งผ่านการตรวจสอบความตรงตามเนื้อหาโดยผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ท่าน และตรวจสอบความเชื่อมั่นผ่านเกณฑ์ที่กำหนด โดยลดปริมาตรลมอุปกรณ์ห้ามเลือดทันทีให้มีปริมาตรลม ไม่น้อยกว่า  7  มิลลิลิตร  ร่วมกับตรวจพบการคงการไหลเวียนเลือดโดยทดสอบย้อนกลับ Barbeau กลุ่มควบคุม 118 ราย ใช้วิธีห้ามเลือดแบบเดิมโดยคงปริมาตรลมอุปกรณ์ห้ามเลือดคงที่ที่ 15 มิลลิลิตร ไม่ประเมินการกลับมาของการไหลเวียนเลือด การประเมินการคงการไหลเวียนเลือดและภาวะหลอด-เลือดแดงเรเดียลอุดตันใช้การทดสอบย้อนกลับ  Barbeau  ผลการศึกษา  พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญที่ 0.05  ระหว่างกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุม  โดยอุบัติการณ์ภาวะหลอดเลือดเรเดียลอุดตันพบเฉพาะกลุ่มควบคุมร้อยละ 6.78 การคงการไหลเวียนเลือดหลอดเลือดแดงเรเดียล ชั่วโมงที่ 1 (ร้อยละ 95.76 และ 36.44) ทันทีหลังนำอุปกรณ์ห้ามเลือดออก (ร้อยละ 100.00 และ 92.40) และที่ 24 ชั่วโมง (ร้อยละ 100.00 และ 93.22) ปริมาตรลมอุปกรณ์ห้ามเลือดที่ใช้ในกลุ่มทดลองเฉลี่ย  11.87±1.24  มิลลิลิตร  ไม่พบความแตกต่างกันด้านผลลัพธ์ความ-ปลอดภัยระหว่างสองกลุ่ม ทั้งภาวะเลือดออกใต้ผิวหนังและภาวะเลือดออก สรุปการใช้วิธีห้ามเลือดโดยคงการไหลเวียนเลือดในผู้ป่วยหลังฉีดสีหลอดเลือดโคโรนารีผ่านหลอดเลือดแดงเรเดียล ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ การคงการไหลเวียนเลือดหลอดเลือดแดงเรเดียล ช่วยป้ องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดแดงเรเดียลอุดตันใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกใต้ผิวหนังและภาวะเลือดออก