การประเมินประสิทธิผลทางคลินิกของการใช้อีโพอิติน อัลฟ่า ขนาด 40,000 ยูนิต ชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนังสัปดาห์ละครั้ง ในการรักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยมะเร็งที่กำลังได้รับเคมีบำบัด
นรินทร์ วรวุฒิ*, วิโรจน์ ศรีอุฬารพงศ์, หฤษฏ์ สุวรรณรัศมี
Division of Medical Oncology, Department of Medicine, Faculty of Medicine, Chulalongkorn University, Bangkok 10330, Thailand.
บทคัดย่อ
วัตถุประสงค์: เพื่อประเมินประสิทธิผล ความปลอดภัย และผลทางคลินิก ของการใช้ยาอีโพอิติน อัลฟ่า (อีเพรกซ์, Janssen cilag) ขนาด 40,000 ยูนิตสัปดาห์ละครั้งเพื่อรักษาภาวะโลหิตจางในผู้ป่วยมะเร็งอวัยวะส่วนบนของร่างกายที่กำลังได้รับยาเคมีบำบัดสถานที่ทำการศึกษา: หน่วยมะเร็งวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัยรูปแบบการวิจัย: ศึกษาแบบเปิดไม่ทำการสุ่มวัสดุและวิธีการ: ผู้ป่วยมะเร็งอวัยวะส่วนบนของร่างกาย ได้แก่ มะเร็งของอวัยวะบริเวณศีรษะและคอ มะเร็งปอด หรือมะเร็งเต้านม ทั้งเพศชายและหญิง 41 ราย ซึ่งมีแผนการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดเป็นเวลาอย่างน้อย 8 สัปดาห์โดยได้รับรังสีรักษาร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้ และมีระดับฮีโมโกลบินระหว่าง 9-11 กรัม/เดซิลิตร ข้อมูลพื้นฐานรายงานในรูปของสัดส่วนและร้อยละ เปรียบเทียบความแตกต่างของระดับฮีโมโกลบิน และคุณภาพชีวิตก่อนและหลังการได้รับยาอีโพอิติน อัลฟ่า โดยใช้สถิติวิเคราะห์ t-test ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างระดับฮีโมโกลบิน และคุณภาพชีวิตโดยใช้สถิติวิเคราะห์ Pearson correlationผลการศึกษา: ผู้ป่วยจำนวนร้อยละ 76 ตอบสนองต่อยาอีโพอิติน อัลฟ่า ได้เป็นอย่างดีโดยมีระดับของฮีโมโกลบินเพิ่มมากกว่าหรือเท่ากับ 1 กรัม/เดซิลิตร หลังได้รับยาโดยการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง (ระดับฮีโมโกลบินก่อนได้รับยาคือ 9.82 ± 0.78 กรัม/เดซิลิตร และระดับฮีโมโกลบินที่สัปดาห์ที่ 16 หลังเริ่มได้รับยาคือ 12.56 ± 1.49 กรัม/เดซิลิตร) ผู้ป่วยที่ได้รับยาอีโพอิติน อัลฟ่า มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากการประเมินด้วยแบบสอบถามชนิด LASA และ CU-QOL (p < 0.01) โดยแบบสอบชนิด LASA ถูกนำมาใช้เพื่อประเมินระดับของกำลัง ความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวันและคุณภาพชีวิตโดยรวมของผู้ป่วยขณะที่ CU-QOL ถูกนำมาใช้เพื่อประเมินความเหนื่อยล้าของผู้ป่วยสรุป: ผู้ป่วยมะเร็งอวัยวะส่วนบนของร่างกายที่มีภาวะโลหิตจางร่วมด้วยจากการได้รับยาเคมีบำบัด หลังจากได้รับยาอีโพอิติน อัลฟ่า ขนาด 40,000 ยูนิต ชนิดฉีดเข้าใต้ผิวหนังสัปดาห์ละครั้ง ระดับฮีโมโกลบินของผู้ป่วยจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นและเข้าสู่ ระดับปกติ (12 กรั ม/เดซิลิตร)ในสัปดาห์ ที่16 หลังเริ่มได้รับยา พร้อมทั้งทำให้คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นการประเมินระดับฮีโมโกลบินและ คุณภาพชีวิตตลอดช่วงที่ผู้ป่วยได้รับยาเคมีบำบัดเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
ที่มา
วารสารจดหมายเหตุทางการแพทย์ ปี 2550, June ปีที่: 90 ฉบับที่ 6 หน้า 1082-1088
คำสำคัญ
Anemia, Quality of life, Epoetin alfa, Non-myeloid malignancy