คุณภาพชีวิตเป็นตัวชี้วัดที่สะท้อนถึงผลลัพธ์ของการบริการสุขภาพที่สำคัญในการพยาบาลผู้ป่วยมะเร็งตับ  ที่เข้ารับการรักษาด้วยวิธีให้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการอุดหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมะเร็งตับ(Transcatheter Arterial Chemoembolization: TACE)การศึกษาเชิงบรรยายนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อเปรียบเทียบ   คุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งตับก่อนและหลังเข้ารับการ  รักษาด้วยวิธี   TACE ครั้งที่ 1 ณ โรงพยาบาลระดับมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคใต้ระหว่างเดือน   พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 -  เดือนตุลาคม พ.ศ. 2561 กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยมะเร็งตับก่อนและหลังเข้ารับการรักษาด้วยวิธี TACE จำนวน 65 ราย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยคือ แบบประเมินคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งแห่งสหภาพยุโรป (The  European  Organization  for  Research  and  Treatment  of  Cancer  Core  Study  Group  on Quality of Life: EORTC QLQ-C30) และ แบบประเมินคุณภาพชีวิตด้าน อาการที่พบบ่อยในผู้ป่วยมะเร็งตับ (Quality  of  Life  HCC18:  HCC18)    ซึ่ง มีค่าสัมประสิทธิ์อัลฟาครอนบาค 0.79 และ 0.80 ตามลำดับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนาและสถิติอ้างอิงทีคู่

ผลวิจัยพบว่าก่อนเข้ารับการรักษาด้วยวิธี TACE คะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิตและภาวะสุขภาพโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับปานกลาง (=3.49คะแนน S.D .=0.43) หลังรักษาด้วยวิธี TACE ครั้งที่ 1   คะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิตและภาวะสุขภาพโดยรวมของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับดี (= 5.34 คะแนน S.D .= 0.42) และค่าคะแนนเฉลี่ยคุณภาพชีวิตและภาวะสุขภาพโดยรวมหลังการรักษาเพิ่มขึ้นกว่าก่อนการรักษาอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.001)

จากผลการวิจัย สรุปได้ว่า การรักษามะเร็งตับด้วยวิธี TACE สามารถช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตและภาวะสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณภาพชีวิตด้านอารมณ์ ดังนั้น เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยกลุ่มนี้พยาบาลจึงจำเป็นต้องจัดเตรียม  ให้ข้อมูลและคำปรึกษาแก่ผู้ป่วยอย่างต่อ