ภูมิหลัง: ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่าในคนที่ใช้ห่วงพยุงอุ้งเชิงกรานเพื่อรักษาภาวะอุ้งเชิงกรานหย่อนนั้นจำเป็นต้องได้รับเอสโตรเจนครีมทาเฉพาะที่ร่วมด้วยเสมอ และข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้เอสโตรเจนครีมทาเฉพาะที่เป็นระยะเวลานาน ยังไม่ชัดเจน ดังนั้นในปัจจุบันจึงแนะนำให้ใช้เอสโตรเจนครีมทาเฉพาะที่ในระยะเวลาสั้นที่สุดที่เป็นไปได้

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาผลของเอสโตรเจนครีมทาเฉพาะที่ต่อสุขภาพช่องคลอดในผู้ป่วยอุ้งเชิงกรานหย่อนที่รักษาโดยการใส่ห่วงพยุงอุ้งเชิงกราน เทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับเอสโตรเจนครีมทาเฉพาะที่

วัสดุและวิธีการ: หญิงวัยหมดประจำเดือนที่มีภาวะอุ้งเชิงกรานหยอ่ นและรักษาโดยการใส่ห่วงพยุงอุ้งเชิงกรานร่วมกับได้รับเอสโตรเจน ครีมทาช่องคลอดมาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ และต้องการใช้ห่วงพยุงอุ้งเชิงกรานต่อจำนวน 40 ราย ได้รับการสุ่มเป็นกลุ่มทดลองคือได้รับ conjugated equine estrogen (CEE) ครีมทาช่องคลอด 0.5 กรัม สัปดาหล์ ะครั้ง และกลุ่มควบคุมที่ไม่ได้รับครีมทาช่องคลอด จากนั้นเก็บข้อมูลในวันที่สุ่ม, 12 และ 24 สัปดาห์ โดยผลลัพธ์หลักที่สนใจศึกษาคือสุขภาพช่องคลอด โดยประเมินจาก vaginal symptom score, ความเป็นกรดด่างในช่องคลอด และ vaginal maturation index (VMI) ผลลัพธ์รองที่สนใจ ได้แก่ ความยากง่ายในการใส่/ถอดห่วงพยุงอุ้งเชิงกราน และการเปลี่ยนแปลงความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก

ผลการศึกษา: ผลการศึกษาไม่พบความแตกต่างทางสถิติในทุกผลลัพธ์ที่สนใจ ได้แก่ vaginal symptom score, ความเป็นกรดด่างในช่องคลอด, VMI, ความยากง่ายในการใส่/ถอดห่วงพยุงอุ้งเชิงกราน และการเปลี่ยนแปลงความหนาของเยื่อบุโพรงมดลูก ในกลุ่มศึกษาและกลุ่มทดลอง เมื่อติดตามไป 24 สัปดาห์

สรุป: CEE ครีมทาช่องคลอด 0.5 กรัม สัปดาห์ละครั้ง มีผลต่อสุขภาพช่องคลอดไม่ต่างจากกลุ่มที่ไม่ได้รับครีมทาช่องคลอดในคนที่ใส่ห่วงพยุงอุ้งเชิงกราน