ความเป็นมา: การใส่สายสวนหลอดเลือดทางสายสะดือส่งผลให้ทารกแรกเกิดมีภาวะอุณหภูมิกายลดต่ำลงได้เนื่องจากต้องถอดผ้าห่อหุ้มร่างกายออกขณะทำหัตถการ หากภาวะอุณหภูมิกายต่ำนี้ยังดำเนินต่อไปโดยไม่ได้รับการแก้ไขจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาได้ เช่น การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ มีเลือดออกจากปอด เลือดไปเลี้ยงตับและม้ามลดลง หายใจลำบาก และหยุดหายใจได้ การป้องกันการสูญเสียความร้อนออกจากร่างกายน่าจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนนี้ได้

วัตถุประสงค์: เพื่อศึกษาอุณหภูมิกายของทารกแรกเกิดภายหลังการทำหัตถการใส่สายสวนสะดือ เปรียบเทียบระหว่างทารกที่ได้รับการห่อตัวด้วย plastic wrap กับทารกที่ห่อตัวด้วยผ้าอ้อม

วิธีการศึกษา: เป็นการศึกษาแบบ Randomized control intervention ในทารกที่แพทย์ทำหัตถการใส่สายสวน

หลอดเลือด ทางสายสะดือทางเส้นเลือดดำหรือทางเส้นเลือดแดงหรือทั้งสองทาง ยกเว้นทารกที่ใส่ PICC line หรือ Double lumen ที่หอผู้ป่วยไอซียูทารกแรกเกิด โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ในช่วงวันที่ 1

กันยายน 2557 ถึง 31 มีนาคม 2558 จำนวน 70 ราย โดยบันทึกลักษณะพื้นฐานของทารก อุณหภูมิห้อง และ

อุณหภูมิกายก่อนทำหัตถการ จากนั้นสุ่มทารกด้วยวิธีเปิดซองปิดผนึกให้ได้รับการห่อตัวสองวิธีได้แก่ ห่อด้วย plastic wrap และห่อตัวด้วยผ้าอ้อม บันทึกอุณหภูมิกายหลังทำหัตถการ และวิเคราะห์เปรียบเทียบอุณหภูมิกายของทารกด้วย t-test

ผลการศึกษา: อุณหภูมิกายทารกหลังใส่สายสวนหลอดเลือดทางสายสะดือแตกต่างกัน โดยทารกที่ได้รับการห่อตัวด้วย plastic wrap มีอุณหภูมิกายเฉลี่ย 37.1 องศาเซลเซียส (SD=0.7) ส่วนทารกกลุ่มที่ได้รับการห่อตัวด้วยผ้าอ้อมมีอุณหภูมิกายเฉลี่ย 36.7 องศาเซลเซียส (SD=0.5) (p=0.033)

สรุปและข้อเสนอแนะ: ทารกกลุ่มที่ได้รับการห่อตัวด้วย plastic wrap มีอุณหภูมิกายหลังใส่สายสวนหลอดเลือดทางสายสะดือสูงกว่าทารกกลุ่มที่ได้รับการห่อตัวด้วยผ้าอ้อม ดังนั้นควรห่อตัวทารกที่ใส่สายสวนหลอดเลือดทางสายสะดือด้วย plastic wrap ทุกรายเพื่อป้องกันการลดลงของอุณหภูมิกายขณะทำหัตถการ