การเปรียบเทียบผลการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าในคนเชื้อสายเอเชียด้วยคลื่นความถี่วิทยุระบบแบ่งส่วนที่ระดับพลังงานเฉลี่ยต่างกัน
กอบกาญจน์ พงศ์ไพโรจน์*, นภดล นพคุณDivision of Dermatology, Department of Medicine, Faculty of Medicine, King Chulalongkorn Memorial Hospital, Bangkok, Thailand
บทคัดย่อ
ที่มา : การรักษาริ้วรอยบนใบหน้ามีหลายวิธี คลื่นความถี่วิทยุระบบแบ่งส่วนเป็นการรักษาที่พัฒนาขึ้นใหม่ การศึกษาทางพยาธิวิทยาพบว่าผลที่เกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อมีความแตกต่างกันขึ้นกับพารามิเตอร์ที่ใช้ แต่การศึกษาที่เปรียบเทียบผลการรักษาทางคลินิกเมื่อให้การรักษาด้วยระดับพลังงานต่างกันยังมีน้อย
วัตถุประสงค์ : เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของคลื่นความถี่วิทยุระบบแบ่งส่วนในการลดริ้วรอยบนใบหน้าของคนเชื้อสายเอเชีย เปรียบเทียบระหว่างกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยระดับพลังงานเฉลี่ยมากกว่าและน้อยกว่า 14.5 จูลต่อการรักษา 3 ครั้ง
วิธีการศึกษา : อาสาสมัคร 28 ราย ที่มีริ้วรอยบนใบหน้าจะได้รับการสุ่มเพื่อรักษาครึ่งซีกของใบหน้าด้วยคลื่นความถี่วิทยุระบบแบ่งส่วนจำนวน 3 ครั้ง ทุก 4 สัปดาห์ โดยใช้ใบหน้าอีกด้านเป็นตัวควบคุม ผู้ป่วยแต่ละรายจะได้รับการรักษาด้วยระดับพลังงานที่ทำให้เกิดความบวมแดงในระดับปานกลางที่ 5 นาทีหลังทดสอบ มีการตรวจติดตามโดยวัดริ้วรอยด้วยเครื่อง Visioscan และบันทึกภาพด้วยเครื่องบันทึกภาพ VISIA ที่ก่อนให้การรักษาและหลังเริ่มการรักษาเดือนที่ 3,5 และ 8 ประเมินผลการเปลี่ยนแปลงทางคลินิกของริ้วรอยโดยแพทย์ผิวหนัง 3 ท่านเปรียบเทียบรูปถ่ายระหว่างก่อนการรักษาและเมื่อสิ้นสุดการรักษา และผู้ป่วยประเมินความเปลี่ยนแปลงของริ้วรอยของตนเทียบกับก่อนรักษา
ผลการศึกษา : ผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยระดับพลังงานเฉลี่ยมากกว่าและน้อยกว่า 14.5 จูล มีริ้วรอยบนใบหน้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ทั้งจากการวัดด้วยเครื่อง Visioscan (p value = 0.001, Paired T-test) และจากการประเมินโดยผู้ป่วย (p value = 0.001 และ 0.011 ตามลำดับ, Wilcoxon-signed ranks test) แต่การประเมินทางคลินิกโดยแพทย์ผิวหนัง 3 ท่านประเมินภาพถ่ายของผู้เข้าร่วมวิจัย ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม (p value = 0.317, Wilcoxon-signed ranks test) เมื่อเปรียบเทียบผลการรักษาระหว่างกลุ่มที่ได้รับการรักษาด้วยระดับพลังงานเฉลี่ยที่มากกว่าและน้อยกว่า 14.5 จูล ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทั้งจากการประเมินด้วยเครื่อง Visioscan, Fitzpatrick wrinkle severity scores และความเปลี่ยนแปลงของริ้วรอยที่ประเมินโดยแพทย์ รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงของริ้วรอยที่ประเมินโดยผู้ป่วย (p value = 0.773, 0.595, 0.418 และ 0.736 ตามลำดับ, ANCOVA)
สรุปผล : การเปรียบเทียบผลการรักษาริ้วรอยบนใบหน้าในคนเชื้อสายเอเชียด้วยคลื่นความถี่วิทยุระบบแบ่งส่วนโดยใช้ระดับพลังงานเฉลี่ยต่างกัน ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างการรักษาด้วยระดับพลังงานเฉลี่ยมากกว่าหรือน้อยกว่า 14.5 จูลต่อการรักษา 3 ครั้ง ที่ 6 เดือนหลังการรักษา
ที่มา
วารสารโรคผิวหนัง ปี 2553, October-December
ปีที่: 26 ฉบับที่ 4 หน้า 183-198
คำสำคัญ
Fractional radiofrequency, Wrinkles, Asians, คลื่นความถี่วิทยุระบบแบ่งส่วน, ริ้วรอย, คนเอเชีย