ผลการให้การบริบาลทางเภสัชกรรมต่อจำนวนปัญหาจากการใช้ยาและระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
นลินี พูลทรัพย์*, ปัญญา อุ่ยประเสริฐ
ภาควิชาเภสัชกรรม คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร
บทคัดย่อ
การวิจัยนี้มีวัตถุประสงคเพื่อศึกษาผลของการใหการบริบาลทางเภสัชกรรมที่มีต่อจํานวนปญหาจากการใช้ยาและระดับน้ำตาลในเลือดในผู่ป่วยโรคเบาหวานเปรียบเทียบกับการให้คําแนะนําการใช้ยาก่อนกลับ     บ้านที่เป็นการบริการตามปกติ โดยทําการศึกษาในผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลปทุมธานี ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนมิถุนายน 2546 จํานวน 66 ราย ซึ่งถูกจัดเข้ากลุ่มทดลองหรือกลุ่มควบคุม โดยวิธีการจับฉลาก กลุ่มละ 33 ราย ผู้ป่วยในกลุ่มทดลองได้รับการบริบาลทางเภสัชกรรม โดยเภสัชกรได้ค้นหา แก้ไขและป้องกันปัญหาจากการใช้ยา ให้คําปรึกษาด้านยาพร้อมกับให้ความรู้เรื่องโรคและการปฏิบัติตัวแก้ผู้      ป่วย ส่วนผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมจะได้รับคําแนะนําการใช้ยาก่อนกลับบ้านเช่นเดียวกับผู้ป่วยนอกอื่น ๆ และติดตามผู้ป่วย 2 ครั้ง ห่างกันครั้งละ 1 เดือน เมื่อเปรียบเทียบระหว่างเริ่มต้นและสิ้นสุดการศึกษา พบว่าจํานวนปัญหาจากการใช้ยาในผู้ป่วยกลุ่มทดลองลดลงจาก 3.21 ± 2.12 เหลือ 1.03 1.06 ปัญหา/ราย (P < 0.001) และระดับน้ำตาลในเลือดลดลงจาก 248.67 ±45.42 เหลือ 176.50 ±60.02 มิลลิกรัม/เดซิลิตร (P < 0.001) ส่วนในกลุ่มควบคุมไมพบความแตกต่างของจํานวนปัญหาจากการใช้ยาและระดับน้ำตาลในเลือดเมื่อเริ่มต้นและสิ้นสุดการศึกษา เมื่อสิ้นสุดการศึกษา พบว่าจํานวนปัญหาจากการใช้ยาและระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยในกลุ่มทดลองน้อยกว่า   กลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสําคัญ (1.03 ± 1.06 เทียบกับ 3.47 ± 1.55 ปัญหา/ราย, P < 0.001 และ 176.50 ± 60.02 เทียบกับ 215.40 ±  60.21 มิลลิกรัม/เดซิลิตร, P = 0.013, ตามลําดับ) ลักษณะปัญหาจากการใชยาที่พบเมื่อเริ่มต้นการศึกษามีความคล้ายคลึงกันทั้งสองกลุ่ม โดยปัญหาที่พบมากที่สุด คือ การไม่ใช้ยาตามแพทย์สั่ง รองลงมาคือ การใช้ยาที่ยังไม่มีข้อพิสูจน ส่วนใหญ่เป็นการใช้ยาสมุนไพร ยาแผนโบราณ และยาลูกกลอน การแก้ปัญหาจากการใช้ยาส่วนใหญเภสัชกรจะประสานงานกับผู้ป่วย (ร้อยละ 58) รองลงมา คือ การติดตามป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากการใช้ยา (ร้อยละ 36) ผลการวิจัยนี้ แสดงให้เห็นว่าการให้การบริบาลทางเภสัชกรรมแกผู้ป่วยโรคเบาหวานช่วยลดปัญหาจากการใช้ยา และช่วยให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดีขึ้น
ที่มา
ศรีนครินทรวิโรฒเภสัชสาร ปี 2548, May ปีที่: 10 ฉบับที่ 1 หน้า 10-16