การรักษาผู้ติดบุหรี่ โดยใช้พฤติกรรมบำบัด มีอัตราการเลิกสูบบุหรี่ได้ร้อยละ 30-46 แต่มีผู้ที่รับการรักษาด้วยวิธีนี้ไม่มาก การเพิ่มประสิทธิภาพของการเลิกสูบบุหรี่โดยใช้สมุนไพรจึงถูกพัฒนาขึ้น การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาประสิทธิผลของชาหญ้าดอกขาวต่อการเลิกสูบบุหรี่เปรียบเทียบกับชาจีน วิธีการวิจัย เป็นการวิจัยทดลองรูปแบบ randomized, single blinded, placebo-controlled , two-parallel group รับอาสาสมัครสุขภาพดี โดยแบ่งเข้ากลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมแบบสุ่มกลุ่มละ 44 คน เก็บข้อมูลตั้งแต่ตุลาคม-ธันวาคม 2550 ที่โรงพยาบาลเมืองชลบุรี กลุ่มทดลองได้รับชาหญ้าดอกขาว 1 กรัมต่อซอง ชงดื่มวันละ 4 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์ กลุ่มควบคุมได้ชาจีน ทั้ง 2 กลุ่มได้รับการทำพฤติกรรมบำบัดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เกณฑ์การประเมินว่าเลิกสูบบุหรี่ คือไม่สูบบุหรี่เลย ผลการเลิกสูบบุหรี่ได้จากการรายงานโดยตัวอาสาสมัครเอง                ผลการวิจัยในกลุ่มทดลองและกลุ่มควบคุมพบว่า อาสาสมัครอายุเฉลี่ย 34.55 ปี และ 35.00 ปี สูบบุหรี่วันละเฉลี่ย 12.07 มวนและ 11.27 มวน ระดับการติดนิโคตินเฉลี่ย 2.89 และ 3.23 ตาม Fagerstrom test คะแนนความตั้งใจเลิกสูบบุหรี่ 86.82 และ 87.52 หลังสิ้นสุดระยะเวลารักษามีอัตราการเลิกสูบบุหรี่ ร้อยละ 61.7 และ 34.1 (p-value =.010) ตามลำดับ                ในกลุ่มทดลองพบว่าการเลิกสูบบุหรี่ มีความสัมพันธ์กับความตั้งใจในการเลิกสูบบุหรี่ที่คะแนน 80 ขึ้นไป (p-value = .000) และไม่มีความสัมพันธ์กับอายุ, ระดับการติดนิโคติน และปริมาณการสูบบุหรี่ก่อนเข้าโครงการ (p-value = .429, .315 และ .063 ตามลำดับ) ในกลุ่มควบคุม พบว่า การเลิกสูบบุหรี่ ไม่มีความสัมพันธ์กับอายุ, ระดับการติดนิโคติน, ปริมาณการสูบบุหรี่และความตั้งใจในการเลิกสูบบุหรี่ (p-value = .340, .501, .235 และ .695 ตามลำดับ)                สรุปผลการวิจัย และข้อเสนอแนะ ชาหญ้าดอกขาวมีประสิทธิผล ทำให้คนเลิกสูบบุหรี่ได้มากกว่าชาจีน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่การติดตามครบ 4 สัปดาห์ ความตั้งใจสูงในการเลิกสูบบุหรี่มีความสัมพันธ์กับการเลิกสูบบุหรี่ได้สำเร็จ และควรติดตามผลการเลิกสูบบุหรี่ในระยะยาว